ประสบการณ์ การฝึกงาน #2
เดือนนี้เมื่อปีที่แล้ว เป็นปีที่ผมเริ่มฝึกงานกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พอดี ด้วยความประทับใจ ทำให้ผมอยากจะเขียนเรื่องนี้เป็นภาคต่ออีกครั้ง (ตามลิงค์ไปอ่าน version แรกก่อนนะครับ ^^ ประสบการณ์ การฝึกงาน) เผื่อเป็นข้อมูลให้ใครที่พยายามหาที่ฝึกงานอยู่ และกล้าๆกลัวๆที่จะเข้ารับการฝึกงาน ทั้งแบบบังคับหรือไม่บังคับก็ตาม
ก่อนอื่นขอเล่าความรู้สึกเริ่มต้นว่า ที่ภาควิชาฯ ที่ผมเรียนอยู่นั้น ไม่ได้มีการบังคับฝึกงานแต่อย่างใด แต่ด้วยความที่เราอยากได้ประสบการณ์ ก็เลยคิดในใจว่า ยังไงๆก็ต้องขอฝึกงานซักทีเถอะ ผมก็จับแก๊งค์กับเพื่อนรวมเป็น 3 คน เริ่มหาที่ฝึกงาน ซึ่งบอกได้เลยครับว่า การบินไทย ไม่ใช่ที่แรกที่ผมสมัคร เพราะว่าเราไม่ได้มีเส้นสายอะไร ก็หาข้อมูลว่ามีที่ไหนรับนักศึกษาฝึกงานสาขาวิชาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ง่ายๆก็ มีตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ไหมนั่นแหละครับ ก็เราเรียนมาด้านนี้ ฝึกงานเอง ก็อยากได้ตรงสาขามากที่สุดจริงไหมครับ แล้วก็พบว่านักศึกษาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยอื่นๆก็เยอะ ตำแหน่งลงก็น้อย ไปหาก็เต็มๆๆๆ กันหลายต่อหลายที่
คำถามที่ผมเจอมาค่อนข้างบ่อย ซึ่งเป็นมุมมองของคนข้างนอกที่มีต่อบริษัทที่ผมฝึกงานมาครับ "ทำไมถึงได้ฝึกงานที่นี่ล่ะ มีเส้นหรอ???" ในใจผมก็แอบงงนิดนึงว่า ทำไมหรอ เครดิตมันดีขนาดนั้นเลยหรอ (ด้วยความที่ไม่รู้ครับ) เราก็ตอบเค้าไปตรงๆว่า "เปล่าครับ ไม่มีเส้น อยากฝึกก็เลยเดินเข้าไปติดต่อฝ่ายบุคคลเลยครับ" ผมว่า มุมมองของคนข้างนอกมักมองว่าบริษัทการบินไทยค่อนข้างเข้าไปยาก ต้องมีเส้นสาย แต่เปล่าเลยครับ ถ้าหาข้อมูลกันจริงๆ ติดตามกันจริงๆ ผมว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายเลยครับ อยู่ที่ความสนใจของเราว่ามันมากหรือมันน้อยแค่ไหนมากกว่า
พูดถึงการฝึกงานครับ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องไปบริษัทนั้นๆจริงๆแล้ว ก็หมดเวลาคิดแล้วครับว่าเค้าจะให้เราทำอะไร จะตรงสายที่เราต้องการหรือเปล่า หรือว่าพี่ๆที่แผนกจะดุไหม อะไรประมาณนี้ ผมบอกตรงๆครับว่า คิดไปยังไงก็ต้องเจอ จะดีหรือร้ายก็ต้องยอมรับให้ได้ ผมว่าการฝึกงานเป็นอะไรที่เยอะมากกว่าการไปตอกบัตรเข้าทำงานแล้วก็กลับบ้านเยอะเลยครับ อย่าลืมว่าเราเป็นนักศึกษา เราต้องไปศึกษาวัฒนธรรมองค์กร ศึกษาการทำงานจริงๆ ศึกษาสิ่งที่มีจริงๆใช้จริงๆในบริษัท ศึกษาสังคมของเพื่อนร่วมงาน และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมให้ได้ครับ
สำหรับผมแล้วอะไรที่ได้มานอกเหนือจากวิชา Java ที่ได้ฝึกงานกันไปแล้ว ผมได้เพื่อนที่ฝึกงานต่างมหาวิทยาลัย ได้รู้ว่าสาขาเดียวกันเรียนอะไรกันมาบ้าง มากน้อยกว่ากันหรือเปล่า ได้คุยกับเพื่อนต่างสาขาว่าสิ่งที่เค้าเรียนนั้น มันคืออะไร ทำให้เราได้มีกิจกรรมร่วมกันอยู่บ่อยๆ นอกจากสังคมที่ได้เพิ่มมาแล้ว อย่างนึงที่ผมว่าแทบจะหาไม่ได้จากที่ฝึกงานอื่น คือ Flight Simulator นับว่าเป็นโชคที่มีโอกาสได้ทดลองขับ (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ฝึกงานที่นี่จะได้ไปนะครับ) เป็นทัศนศึกษาเล็กๆในบริษัทครับ แต่ก็ทำให้ผมและเพื่อนๆตื่นเต้นกันพอสมควร อย่างน้อยเราก็ไปคุยต่อได้ว่า "ครั้งหนึ่ง เคยขับเครื่องบิน ^^"
สิ่งที่ผมได้จากการฝึกงานเป็นอะไรที่หลากหลายมากครับ ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ยากที่จะบรรยายให้หมดครบทุกอารมณ์ได้ แต่ผมว่าก็น้อยคนที่จะบรรยายความประทับใจต่างๆเหล่านี้ออกมาในรูปแบบที่ให้ทุกคนได้อ่าน แต่ก็อยากแนะนำจากใจจริงครับว่า ถ้าอยากได้สิ่งดีๆ ก็ต้องทำตัวดีๆ สร้างความประทับใจให้คนรอบข้างในฐานะน้องใหม่ เค้าจะได้เอ็นดูเรา (พาเราไปเลี้ยงขนม เอ้ย ไม่ใช่!!) แล้วก็อย่าทำอะไรที่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ครอบครับ ครูบาอาจารย์ และสถาบันที่เราศึกษานะครับ ^^
ก่อนอื่นขอเล่าความรู้สึกเริ่มต้นว่า ที่ภาควิชาฯ ที่ผมเรียนอยู่นั้น ไม่ได้มีการบังคับฝึกงานแต่อย่างใด แต่ด้วยความที่เราอยากได้ประสบการณ์ ก็เลยคิดในใจว่า ยังไงๆก็ต้องขอฝึกงานซักทีเถอะ ผมก็จับแก๊งค์กับเพื่อนรวมเป็น 3 คน เริ่มหาที่ฝึกงาน ซึ่งบอกได้เลยครับว่า การบินไทย ไม่ใช่ที่แรกที่ผมสมัคร เพราะว่าเราไม่ได้มีเส้นสายอะไร ก็หาข้อมูลว่ามีที่ไหนรับนักศึกษาฝึกงานสาขาวิชาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ง่ายๆก็ มีตำแหน่งโปรแกรมเมอร์ไหมนั่นแหละครับ ก็เราเรียนมาด้านนี้ ฝึกงานเอง ก็อยากได้ตรงสาขามากที่สุดจริงไหมครับ แล้วก็พบว่านักศึกษาคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยอื่นๆก็เยอะ ตำแหน่งลงก็น้อย ไปหาก็เต็มๆๆๆ กันหลายต่อหลายที่
คำถามที่ผมเจอมาค่อนข้างบ่อย ซึ่งเป็นมุมมองของคนข้างนอกที่มีต่อบริษัทที่ผมฝึกงานมาครับ "ทำไมถึงได้ฝึกงานที่นี่ล่ะ มีเส้นหรอ???" ในใจผมก็แอบงงนิดนึงว่า ทำไมหรอ เครดิตมันดีขนาดนั้นเลยหรอ (ด้วยความที่ไม่รู้ครับ) เราก็ตอบเค้าไปตรงๆว่า "เปล่าครับ ไม่มีเส้น อยากฝึกก็เลยเดินเข้าไปติดต่อฝ่ายบุคคลเลยครับ" ผมว่า มุมมองของคนข้างนอกมักมองว่าบริษัทการบินไทยค่อนข้างเข้าไปยาก ต้องมีเส้นสาย แต่เปล่าเลยครับ ถ้าหาข้อมูลกันจริงๆ ติดตามกันจริงๆ ผมว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่ายเลยครับ อยู่ที่ความสนใจของเราว่ามันมากหรือมันน้อยแค่ไหนมากกว่า
พูดถึงการฝึกงานครับ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องไปบริษัทนั้นๆจริงๆแล้ว ก็หมดเวลาคิดแล้วครับว่าเค้าจะให้เราทำอะไร จะตรงสายที่เราต้องการหรือเปล่า หรือว่าพี่ๆที่แผนกจะดุไหม อะไรประมาณนี้ ผมบอกตรงๆครับว่า คิดไปยังไงก็ต้องเจอ จะดีหรือร้ายก็ต้องยอมรับให้ได้ ผมว่าการฝึกงานเป็นอะไรที่เยอะมากกว่าการไปตอกบัตรเข้าทำงานแล้วก็กลับบ้านเยอะเลยครับ อย่าลืมว่าเราเป็นนักศึกษา เราต้องไปศึกษาวัฒนธรรมองค์กร ศึกษาการทำงานจริงๆ ศึกษาสิ่งที่มีจริงๆใช้จริงๆในบริษัท ศึกษาสังคมของเพื่อนร่วมงาน และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมให้ได้ครับ
สำหรับผมแล้วอะไรที่ได้มานอกเหนือจากวิชา Java ที่ได้ฝึกงานกันไปแล้ว ผมได้เพื่อนที่ฝึกงานต่างมหาวิทยาลัย ได้รู้ว่าสาขาเดียวกันเรียนอะไรกันมาบ้าง มากน้อยกว่ากันหรือเปล่า ได้คุยกับเพื่อนต่างสาขาว่าสิ่งที่เค้าเรียนนั้น มันคืออะไร ทำให้เราได้มีกิจกรรมร่วมกันอยู่บ่อยๆ นอกจากสังคมที่ได้เพิ่มมาแล้ว อย่างนึงที่ผมว่าแทบจะหาไม่ได้จากที่ฝึกงานอื่น คือ Flight Simulator นับว่าเป็นโชคที่มีโอกาสได้ทดลองขับ (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ฝึกงานที่นี่จะได้ไปนะครับ) เป็นทัศนศึกษาเล็กๆในบริษัทครับ แต่ก็ทำให้ผมและเพื่อนๆตื่นเต้นกันพอสมควร อย่างน้อยเราก็ไปคุยต่อได้ว่า "ครั้งหนึ่ง เคยขับเครื่องบิน ^^"
สิ่งที่ผมได้จากการฝึกงานเป็นอะไรที่หลากหลายมากครับ ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่ง ยากที่จะบรรยายให้หมดครบทุกอารมณ์ได้ แต่ผมว่าก็น้อยคนที่จะบรรยายความประทับใจต่างๆเหล่านี้ออกมาในรูปแบบที่ให้ทุกคนได้อ่าน แต่ก็อยากแนะนำจากใจจริงครับว่า ถ้าอยากได้สิ่งดีๆ ก็ต้องทำตัวดีๆ สร้างความประทับใจให้คนรอบข้างในฐานะน้องใหม่ เค้าจะได้เอ็นดูเรา (พาเราไปเลี้ยงขนม เอ้ย ไม่ใช่!!) แล้วก็อย่าทำอะไรที่ทำลายชื่อเสียงของตัวเอง ครอบครับ ครูบาอาจารย์ และสถาบันที่เราศึกษานะครับ ^^